วิธีเพิ่มค่า Conversion Rate แบบง่ายๆที่ควรรู้


วิธีเพิ่มค่า Conversion Rate แบบง่ายๆที่ควรรู้

Conversion Techniques


วันนี้ผมมีเทคนิคการเพิ่มค่า Conversion Rate ให้ได้อ่านกันครับ
ก่อน อื่นต้องขออธิบายก่อนว่า Conversion Rate คืออะไร ซึ่งก็แปลเป็นไทยได้ว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงครับ ซึ่งสิ่งที่เราต้องการจะเปลี่ยนนั้นก็คือ
เปลี่ยน Traffic(คนเข้าเว็บ) ให้กลายเป็น Sales(การขาย) ซึ่งเป็นจุดที่หลายๆคนมองข้ามอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมันสำคัญมากๆ
คุณ ลองคิดดูนะครับ คุณทำหน้าเว็บเนื้อหากากๆ คนเข้ามาอัตราการซื้อของ 0.5%  หรือคนเข้ามา200คนจะขายได้ 1 ชิ้น สมมติว่า 1 ชิ้นคุณได้ค่าคอมมิสชั่น 500 บาท
แสดงว่าในคนเข้ามา 100 คน คุณจะได้ค่าคอมมิสชั่นเฉลี่ย 250 บาทต่อ 100 คน หรือ 2.5บาทต่อคนเข้าเว็บ 1 คน
แต่ ถ้าคุณเขียนบทความที่ดี โน้มน้าวให้คนซื้อของโอกาสที่คนจะซื้อของมากขึ้น เช่นถ้าคุณเขียน Sales Page ได้ดีมากๆ อัตราการซื้อของอาจกลายเป็น 4% ซึ่งลองคำนวณดู
ถ้ามีคนเข้าเว็บมา 100 คน เราจะขายได้ 4 ชิ้น ค่าคอมมิสชั่นชิ้นละ500 สรุป เราจะได้ 2,000 บาท ต่อคนเข้าเว็บ 100 คน แปลว่า 1 คน มีค่า 20 บาท
จะเห็นได้ว่าเงินที่สร้างได้มากกว่าถึง 8 เท่าเลยทีเดียว
สมมติว่าคุณต้องการเงิน 30000 บาทต่อเดือน คิดซะว่าอันดับ 1 ใน Google มีคนคลิกจากการเซิร์ช 50%
จาก กรณีที่1 Conversion Rate 0.5% คุณต้องมีคนเข้าเว็บ 30000/2.5 = 12000 หรือ ต้องมีคนเซิร์ชต่อเดือน 24000 ครั้งขึ้นไป ซึ่งคีย์เวิร์ดที่มีคนค้นหามากขนาดนี้
ส่วนมากจะเป็นคีย์เวิร์ดที่โหดพอสมควร และใช้เวลาติดอันดับนานมาก
แล้ว ถ้ากรณีที่2 เราต้องการ 30000 บาทต่อเดือน เราต้องการคนเข้าเว็บ 1500 คนต่อเดือน หรือคำที่คนเซิร์ช 3000 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำนวน Traffic ที่ต้องการต่างกันมหาศาล
ทีนี้ เราจะทำให้ conversion rate สูงขึ้นได้ยังไง

1. เจาะจงให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

เช่น ถ้าคุณทำ SEO คุณก็ควรที่จะเลือก Keyword ที่มี Sales Potential เช่น ชื่อสินค้า ชื่อสินค้า+review หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น
How can I make wonderful steak คุณก็ควรจะใช้คีย์เวิร์ดนี้โปรโมท กระทะไม่ก็ตำราอาหาร ถูกมั้ย?
หรือ ถ้าคุณทำ PPC เช่น Facebook ads คุณก็ควรจะเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรง เช่นเราจะขาย เตาย่าง เราก็ควรจะเลือกคนที่มีความสนใจใน cooking

2. บทความเย้ายวนให้ซื้อ

ตรง นีเหลายๆคนมองข้ามไปมาก คิดว่าเอาสินค้ามาแปะไว้ที่หน้าเว็บ แล้วก็หาคนเข้าเว็บพอ จริงๆแล้วมันไม่พอครับ เราควรจะเขียนบทความที่ทำให้คนอ่านรู้ว่า
ทำไมเค้าควรจะต้องซื้อ เค้าซื้อแล้วได้อะไร เหมือนทีวีไดเร็คนะ ถ้าเกิดออกมาแล้วบอกว่า
แอ๊บโดมิไนเซอร์ เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกาย ทำจากไทเทเนี่ยม 50% เหล็ก 50% ใช้สำหรับออกกำลังกายหน้าท้อง โทร 029999999 เพื่อสั่งซื้อ
คุณคิดว่าจะมีกี่คนซื้อครับ?
ถ้าเค้าคิดคำโฆษณาแค่นี้บริษัทเค้าอาจจะเจ๊งไปนานแล้ว
เค้า ต้องมีการเขียน Script เพื่อให้คนฟังฟังแล้วอยากซื้อทันทีซึ่งนี่แหละครับที่ทำให้เค้าใช้ Traffic จากโทรทัศน์ซึ่งเป็น Traffic ที่แทบจะไม่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายเลย
เปลี่ยนเป็นเงินได้มาก

3. กราฟฟิคน่าเชื่อถือ

กราฟ ฟิคก็เหมือน First Impression เวลาเจอสาวสวยครับ คุณเจอสาวสวยคุณคงไม่ต้องคิดอะไรมากและอยากจีบทันที แต่ถ้ากราฟฟิคกากๆก็เหมือนสาวๆหน้าตาย่ำแย่
แต่อาจจะมีดีที่หัวใจ ซึ่งคุณก็ต้องยอมรับครับว่าคนเรามองกันที่หน้าตามากกว่าที่จิตใจอยู่แล้ว(ชักจะน้ำเน่า)
กราฟ ฟิคมีผลต่อการซื้อมากจริงๆครับ ถ้าคุณเห็นหน้า Sales Page สวยๆ ในบางครั้งอ่านแค่หัวข้อก็กดซื้อแล้ว เพราะฉะนั้นการทำ กราฟฟิคให้สวยงามก็จะยิ่งสามารถทำให้ขายได้มากขึ้นครับ
อย่างไรก็ดี การทำกราฟฟิคที่ดูดีเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียได้ เหมือนกับผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงสวยเรียบร้อย ก็เหมือนหน้าเว็บที่ดูสวยสะอาดตา แต่หน้าเว็บแรงๆก็จะเหมือนผู้หญิงเปรี้ยวๆ
ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีความนิยมต่างกันไปครับ

4. Tracking

ผม เชื่อว่า นักการตลาดออนไลน์ชาวไทย 95% ไม่เคย Track ครับ ว่าTraffic มาจากไหนแล้ว convert ดีสุด เปลี่ยนหน้าเว็บแล้วคนซื้อเยอะขึ้นมั้ย เปลี่ยนกราฟฟิคแล้วคนซื้อเยอะขึ้นกี่เปอเซนต์
การ Tracking ที่ดีจะส่งผลให้คุณรู้จุดอ่อนจุดแข็งของเว็บคุณ และทำให้มันมี Conversion Rate สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ
0 Responses